วันพุธ, สิงหาคม 11, 2553

MOTHER............[A]


นับว่าเป็นผู้กำกับที่ฝีมือเชื่อถือได้อีกคนหนึ่งของวงการภาพยนตร์เกาหลี หรือกระทั่งระดับโลก สำหรับเจ้าของผลงาน The Host (2006) หนังสัตว์ประหลาดเสียดสีการเมือง ที่น่าจะเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุด โดยก่อนหน้านั้น ยังมีอีก 2 เรื่อง ที่ใครๆ ก็ชื่นชม แต่โดยส่วนตัวยังไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ด้วยตนเองอย่าง Barking Dogs Never Bite (2000) และ Memories of Murder (2003) มาถึงงานกำกับชิ้นล่าสุดนี้ ก็ยังคงได้รับเสียงตอบรับในแง่ชื่นชม ด้วยการเป็นตัวแทนจากประเทศเกาหลีใต้ ในการเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ถึงแม้จะไปไม่ถึงรอบ 5 เรื่องสุดท้าย แต่หนังก็ได้เข้าชิงในเวทีของ Independent Spirit Awards ในสาขาเดียวกัน เคียงข้างหนังดังอย่าง An Education และ A Prophet เป็นการชดเชย

เรื่องราวของแม่ (Kim Hye-ja) วัยกลางคนที่ทำงานเป็นหมอที่รักษาโรคด้วยสมุนไพรนานาชนิด รวมถึงการฝังเข็มแบบโบราณ เพื่อเลี้ยงตนเองและ Yoon Do-joon (Won Bin) ลูกชายวัยหนุ่มที่มีพัฒนาการทางสมองช้ากว่าคนปกติ เพื่อนคนเดียวของเขาคือ Jin Tae (Jin Ku) หนุ่มเสเพลที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย ซึ่งจนแล้วจนรอด เรื่องที่เธอห่วงว่าจะเกิดขึ้นก็เริ่มส่อเค้า เมื่อ Jin Tae พา Yoon Do-joon ไปเอาคืนพวกคนรวยที่ขับรถเฉี่ยวชนแล้วหนี กระทั่งเรื่องถึงโรงพัก แต่ด้วยความที่ฝ่ายเจ้าทุกข์กลัวจะเสียชื่อเสียง ประกอบกับ Jin Tae และ Yoon Do-joon สนิทสนมกับตำรวจเป็นอย่างดี เรื่องจึงยอมความกันได้ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคนพบศพ Moon Ah-jung (Na Mun-he) นักเรียนสาว ที่ถูกฆาตกรรมแล้วพาดศพไว้บนดาดฟ้า หลังจากคืนที่ Yoon Do-joon ไปเที่ยวกลางคืนกลับมาดึกดื่น เพราะอยากลบคำสบประมาทของ Jin Tae ว่าตนสามารถหลับนอนกับผู้หญิงได้เช่นกัน ด้วยหลักฐานบางอย่างในที่เกิดเหตุ ทำให้ตำรวจเชื่อมั่นว่า Yoon Do-joon เป็นฆาตกร และโดยไม่ลังเล เขาจึงถูกจับ ร้อนถึงแม่ ที่เชื่อมั่นว่าลูกชายตนเองไม่ได้เป็นคนทำ รวมทั้งคำให้การที่แกว่งไปมาของ Yoon Do-joon เองเพราะอาการที่เป็น, การวางเฉยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทนายความที่เธออุตส่าห์เก็บเงินไปจ้างมา ทำให้แม่ต้องเป็นคนตามสืบเรื่องราวด้วยตนเองทั้งหมด โดยได้คำแนะนำจาก Jin Tae ที่เธอเคยสงสัยเขาเป็นคนแรก ให้ตามหาข้อมูลจากคนรอบข้างผู้ตาย ก่อนจะนำไปสู่ความจริงที่หนังค่อยๆ เฉลย ซึ่งซับซ้อนกว่าที่คิดมากนัก

ถึงแม้หนังจะใช้ชื่อเรื่องที่แปลกันตรงๆ ว่า แม่” แต่นี่ไม่ใช่หนังรักหวานซึ้งระหว่างแม่-ลูก ที่มาในแนวดราม่าบีบน้ำตาทั่วๆ ไป ทว่าหนังใช้ประเด็นนี้เป็นแกนเรื่องหลัก ท่ามกลางเนื้อหาในแนวสืบสวนสอบสวน ซึ่งถูกคลุกเคล้าเข้ากันได้อย่างกลมกลืน ผ่านบทภาพยนตร์ที่ซับซ้อน และหลอกล่อคนดูให้สับสนอยู่ตลอดเวลา จนยากแก่การคาดเดาบทสรุป กระทั่งเมื่อหนังเฉลยข้อมูลที่เป็นปมปริศนาเกี่ยวกับตัวฆาตกรแล้วก็ตาม เราก็อาจยังไม่สามารถปักใจเชื่อได้แน่นอนนัก แต่หากเป็นดังนั้นจริง หนังก็ยังเลือกที่จะกระแทกใส่คนดูอีกต่อหนึ่ง ด้วยชะตากรรมของตัวละครที่ทั้งน่าเห็นใจ และเสียดสีสังคมไปพร้อมๆ กัน

Kim Hye-ja นักแสดงสาวใหญ่ ให้การแสดงระดับสุดยอด และน่าประทับใจเป็นที่สุด ในหนังที่เหมือนเป็นการโชว์ออฟ ของเธอเรื่องนี้ กระนั้น เธอก็ไม่ได้พยายามสร้างความโดดเด่นให้กับตัวละครของเธอจนเกินพอดี แต่สามารถสร้างความกลมกลืนเข้ากับเรื่องราว และบุคคลรอบข้างได้อย่างน่าชื่นชม ขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ต่างทำหน้าที่เสริมส่งตัวละครของเธอให้ยิ่งน่าเอาใจช่วยไปโดยตลอดอีกด้วย อีกคนที่สมควรได้รับการกล่าวถึง ก็คือ Won Bin ที่รับบทหนุ่มที่มีพัฒนาการทางสมองช้ากว่าคนปกติ ได้อย่างน่าเชื่อถือ แม้จะไม่ถึงกับโดดเด่น และอาจจะถูกกลบรัศมีจากตัวละครแม่ ของ Kim Hye-ja ไปบ้าง แต่ทั้งคู่นับว่าเข้าคู่กันได้อย่างเหมาะเจาะ นับเป็นการคืนสู่วงการภาพยนตร์หลังห่างหายไปนานได้อย่างน่าพอใจ

หลังจากดูจบ เชื่อว่าคนดูคงพบเห็นความไม่ธรรมดาของหนังเกี่ยวกับ แม่ ที่แฝงอยู่ในความธรรมดา เรื่องนี้ได้ไม่ยาก ทั้งประเด็นความรักของแม่ ที่ทุ่มเททำได้ทุกอย่างเพื่อลูก ไม่ว่าจะต้องทำอะไรลงไปก็ตาม และประเด็นเกี่ยวกับความรับผิดชอบ, การประเมินคุณค่าต่อกันและกันของคนในสังคม ที่ไม่ว่าจะเป็นที่แห่งหนตำบลใด ก็ล้วนมีเส้นบางๆ ระหว่างกันขวางกั้นความไว้เนื้อเชื่อใจกันอยู่ตลอดเวลา