วันอาทิตย์, กุมภาพันธ์ 28, 2553

เซ็งเป็ด: BORING LOVE...Boring Crews!!!



สร้างจากกระทู้เรื่องเล่าที่ฮอตฮิตมากที่สุดกระทู้หนึ่งในเวปไซต์ pantip จนแทบจะเรียกได้ว่าสร้างกระแสฟีเวอร์ได้ยิ่งกว่า “รักแห่งสยาม” เสียอีก ซึ่งอันที่จริงแล้ว กระทู้ที่ว่านี้เกิดขึ้นก่อนหนังเรื่องดังกล่าวจะเปิดตัวออกฉายด้วยซ้ำ เพียงแต่เมื่อพูดถีงความสำเร็จในรูปแบบของหนัง ช่างแตกต่างกันอย่างลิบลับ ยิ่งกว่าฟ้ากับเหวเสียอีก

หนังเปิดเรื่องด้วยเสียงเล่าของ เป็ด (ณัฐพล นิลภูมิ) สจ๊วตหนุ่มหน้าตาดีที่กำลังพิมพ์เรื่องของตัวเองลงในกระทู้ของเวปไซต์ pantip.com โดยเรื่องราวพูดถึงช่วงชีวิตที่เขาเคยทำงานเป็นพนักงานคลังสินค้าของสายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาได้รูจักกับ อ้อย (อธิวัฒน์ ลำกูล) พนักงานวัยเดียวกันที่ทำงานอยู่ก่อน และแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังจีบเขาอยู่ แม้เขาจะบอกไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตามทีว่าตนไม่ใช่เกย์ และที่สำคัญเขาเพิ่งถูก ไก่ (อินทิรา เกตุวรสุนทร) แฟนสาวบอกเลิกมาหมาดๆ ทว่าไม่นานนัก ไก่ก็กลับมาขอคืนดี และเขาจำเป็นต้องให้เธออาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้าน แต่ก็ยังใจแข็งให้ระหว่างเขาและเธอเป็นเพียงแค่เพื่อนกัน

ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่าง เป็ด และอ้อย ก็ดูเหมือนจะเป็นด้วยดี แต่เป็ดยังคงรักษาระยะห่างไว้ในฐานะเพื่อนสนิท และแม้อ้อยเหมือนจะไม่มีทางเลือก แต่ดูเหมือนเขาจะมอบหัวใจให้เพื่อนสนิทคนนี้ มากกว่านั้นอยู่เสมอ

ส่วนตัวของเป็ด ยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้น เขาก็เริ่มมองเห็นแง่มุมชีวิตที่น่าสงสารของอ้อยมากขึ้น ทำให้เขาเปิดใจรับเพื่อนคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม และบางครั้งก็เริ่มรู้สึกสับสนว่าความรู้สึกที่เขามีให้อ้อยในตอนนี้ เรียกว่าอะไรกันแน่ เขาตัดสินใจปรึกษาไก่ และเธอเสนอตัวที่จะพิสูจน์ความเป็นเกย์ให้กับทั้งอ้อย และเป็ดเอง แต่ก็ไม่สำเร็จ ก่อนที่เรื่องราวจะไปสรุปจบอย่างราบรื่น หลังจากอ้อยหายตัวไป เมื่อรู้ว่าเป็ดกำลังจะลาออกจากงานเดิมเพื่อไปเป็นสจ๊วต และทำให้ตัวเขารู้สึกเหมือนถูกทิ้งอีกครั้ง แต่แน่นอนว่า เป็ดออกตามหา จนได้เจอกันในที่สุด

ไม่ว่าจะพิจารณาในแง่มุมไหน ต้องฟันธงอย่างปราศจากข้อโต้แย้ง ว่าหนังที่ถูกสร้างขึ้นนี้ ทำเอานิยายในกระทู้ทางอินเตอร์เนต ที่ถูกยกย่องให้เป็นของ “โคตรคลาสสิค” ในแวดวงนักอ่าน นักท่องเวป ต้อง “เสียของ” อย่างไม่น่าให้อภัย หนังเลือกตัด และเพิ่มเรื่องราวในส่วนที่ถือได้ว่า “คิดผิด” ไปซะทุกอย่าง ทั้งการตัดตัวละครแม่ของเป็ด ออกไปจากบ้าน แล้วเพิ่มความสำคัญของตัวละคร “ไก่” เข้ามาราวกับเป็นบทนำร่วมแต่กลับไม่ส่งผลกระทบใดๆ ในภาพรวม หรือบางครั้งอาจส่งผลแต่เป็นในแง่ที่เลวร้ายต่อตัวละครเพศหญิงนี้เป็นอย่างมาก ทั้งที่ในนิยายจริงๆ แล้วถูกพูดถึงเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับมีผลกระทบต่อภาพรวมของเรื่องราวได้มากกว่าเป็นไหนๆ ทั้งยังไม่ได้ถูกมองแบบต่ำต้อยด้อยค่าอย่างที่หนังนำเสนออีกด้วย

ภาพรวมด้านการแสดงก็ย่ำแย่พอกัน แน่นอนว่าส่วนหนึ่งต้องโทษทั้งการแสดงของนักแสดงเอง และผู้กำกับ ที่ไม่สามารถดึงศักยภาพของนักแสดงออกมาได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อธิวัฒน์ ลำกูล ซึ่งดูจากรูปลักษณ์ภายนอก และการแสดงของเขาในหลายๆ ฉากแล้ว เชื่อว่าคนดูน่าจะชื่นชอบตัวละครนี้ได้ไม่ยาก หากได้รับการดึงเอาความสามารถของเขาออกมาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เขาดูมีเสน่ห์ และพูดจาเป็นธรรมชาติกว่าใครๆ ในเรื่อง (อาจยกเว้นในบางฉาก แต่ก็ถือว่าทำได้ดีที่สุด) แต่เมื่อไม่ได้รับการสนับสนุนจากทีมงานที่ดี (อันที่จริงถึงขั้นย่ำแย่) ทำให้นี่เป็นการขึ้นจอที่เสียของอีกอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ งานเทคนิคทุกอย่างของหนัง ก็ล้วนเรียกได้ว่า “น่าอาย” การถ่ายภาพ แลดูน่าอนาถยิ่งกว่างานหนังสั้นของเด็กประถม หรือจะเป็นการตัดต่อที่ไม่รู้จะรีบเร่งไปถึงไหน ทำให้คนดูไม่อาจซึมซับอารมณ์ในแต่ละฉากได้เลย รวมทั้งการบันทึกเสียงที่ให้ความดัง-ชัดไม่สม่ำเสมอ หรือดนตรีและเพลงประกอบที่ถึงจะถูกแต่งมาเพื่อหนังโดยเฉพาะ แต่ไม่มีเพลงไหนสื่อถึงความรักของตัวละครหลักได้ชัดเจนเท่าที่ในนิยายเคยบรรยายถึงเพลงเด่นเพลงหนึ่ง อย่าง “When I’m Feeling Blue” ได้เลย

คงเป็นเรื่องน่าเสียดายตั้งแต่ทีแรก ที่ทีมงานผู้สร้าง เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีฝีมือ และบางที อาจยังไม่ถึงเวลาที่นิยายรักคลาสสิคทางอินเตอร์เนตเรื่องนี้ ควรถูกนำมาขึ้นจอ หรือไม่แน่ มันอาจคู่ควรจะถูกบันทึกไว้ให้อยู่เพียงแค่ในหน้าเวปไซต์ หรือในหน้ากระดาษ ที่มีการนำมาตีพิมพ์ และยังคงรักษาระดับความซาบซึ้งสะเทือนใจไว้ได้อย่างเท่าเทียมกับต้นฉบับทุกประการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น